မျက်လုံး ကျန်းမာရေး

Sort
Dry eyes
Dry eyes Tears play a crucial role in keeping our eyes moist, ensuring clear vision by letting light effectively pass through the eye's lens, and supplying oxygen to nourish the eye. They also help fend off infections and keep foreign substances at bay.   Now, when it comes to dry eyes, it's a pretty common issue that can stem from abnormal tear production or tears evaporating too quickly. This can lead to discomfort, irritation, that feeling like there's something foreign in your eye, redness, pain, blurry vision that gets better with blinking, or even feeling like your eyes are tired and heavy. What causes dry eyes can vary—getting older, being a woman (yeah, we're more prone to it), certain allergy medications, spending loads of time on screens, being in places with dust and smoke, gusty winds, and bright lights, they can all have a hand in it.   But hey, the good news is there are ways to tackle dry eyes:   Keep away from things that can make it worse, like strong winds and dust, by popping on some sunglasses and protecting those peepers. Remember to take breaks or blink more often, especially when you're glued to screens for a while. You've got these cool eye drops called artificial tears. There's a type for daytime (more watery) and nighttime (a bit thicker). Which one to use depends on how serious your dry eye situation is. Sometimes your doc might suggest special eye drops that encourage your eyes to make more tears. Give your eyes a treat with warm, clean cloths over your closed eyelids to help them feel better. If the dry eye struggle is real and isn't improving, it's wise to chat with an eye doctor.   All in all, dry eyes can be a bother, but there are solutions out there. It's important to take good care of your eyes, especially when it's all dry outside. If you suspect you've got dry eyes, having a chat with an eye care expert is a smart move.      
Read More
Laser Vision
ทำเลสิคที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่ ต้องเลือกเทคนิคแบบไหนที่จะเหมาะกับดวงตาของเรา?
ทำเลสิคที่ไหนดี   หลายคนอยากแก้ไขปัญหาสายตาที่สั้น ยาว หรือเอียง ด้วยหลากหลายเหตุผลด้วยกัน เช่น ไม่สะดวกในการสวมใส่แว่นตา การทำงานบางประเภทที่ไม่อนุญาตให้สวมใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ เป็นต้น จึงจำเป็นที่จะต้องแก้ไขค่าสายตาให้กลับเป็นปกติด้วยการทำเลสิค เพราะเป็นการผ่าตัดครั้งสำคัญกับดวงตาที่มีเพียงคู่เดียว จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในการทำเลสิค หากยังไม่รู้ว่าคุณควรทำเลสิคที่ไหนดี เทคนิคการทำเลสิคแบบไหนที่เหมาะกับคุณ หรือมีอะไรที่ควรรู้ก่อนและหลังทำเลสิคบ้าง ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่เลย   เลสิค (LASIK) คือ การทำเลสิค คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปรับค่าสายตาที่ผิดปกติ โดยการใช้เลเซอร์หรือใบมีดเพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้กลับมามีการมองเห็นที่ชัดเจนอีกครั้ง   การทำเลสิค สามารถรักษาสายตาที่ผิดปกติแบบไหนได้บ้าง   เพราะค่าสายตาผิดปกติมีหลากหลายรูปแบบ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าการทำเลสิคสามารถปรับแก้สายตาแบบไหนที่ผิดปกติได้บ้าง โดยการทำเลสิคสามารถปรับแก้ค่าสายตาได้ทั้ง   สายตาสั้น: ที่เกิดจากมีกระจกตาที่โค้งมากเกินไป ทำให้มองวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ชัดเจนกว่าวัตถุที่อยู่ไกล สายตายาว: ที่เกิดจากมีกระจกตาโค้งน้อยหรือแบนกว่าปกติ หรือสายตายาวตามวัย ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อตาที่เสื่อมสภาพลงตามวัย ทำให้มองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลได้อย่างชัดเจน กว่าวัตถุที่อยู่ใกล้ สายตาเอียง: ที่เกิดจากกระจกตามีรูปร่างผิดไปจากปกติ ทำให้เกิดการหักเหของแสงที่ตกกระทบโฟกัสที่จอประสาทตาไม่สม่ำเสมอในระนาบเดียวกัน ส่งผลให้มองเห็นภาพไม่ชัดทั้งระยะใกล้และไกล ทั้งยังอาจเกิดเงาซ้อน จนมองเห็นภาพบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง   รวมไปถึงในกรณีที่สายตาสั้นตามปกติ แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่ใช้หักเหแสงของกระจกตาเริ่มเสื่อมลง ทำให้เกิดสายตายาวตามวัย จนมองเห็นภาพไม่ชัดเจนทั้งระยะใกล้และไกล ก็สามารถทำเลสิคได้เช่นกัน วิธีเลือกศูนย์ทำเลสิคที่ดี ต้องดูอะไรบ้าง ปัจจัยที่คุณควรเลือกใช้เพื่อพิจารณาในการเลือกศูนย์หรือสถานพยาบาลที่จะใช้ในการผ่าตัดทำเลสิค เพื่อปรับแก้ไขสายตาที่สั้น ยาว หรือเอียงของคุณ ได้แก่   มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ความปลอดภัยควรเป็นปัจจัยแรกที่ใช้ในการพิจารณาเลือกใช้บริการศูนย์หรือโรงพยาบาลสำหรับทำเลสิค โดยศูนย์เลสิคหรือโรงพยาบาลที่คุณเลือกใช้บริการควรมีมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยสูง มีระบบฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน และมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เป็นสถานพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการเข้าระบบปฏิบัติตามกำหนด มีผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านนั้นๆที่คอยให้การรักษาอยู่จริง รวมถึงมีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลที่สามารถตรวจสอบได้อย่างแน่ชัด   เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในการรักษา   ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์เกี่ยวกับการผ่าตัดทำเลสิคก้าวหน้าไปไกลมาก ซึ่งเทคโนโลยีในรุ่นหลัง ๆ ต่างถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์มากขึ้น รวมถึงลดผลกระทบที่ผู้ป่วยอาจเคยพบเจอมาก่อน ดังนั้นการผ่าตัดทำเลสิคในศูนย์หรือโรงพยาบาลที่มีความก้าวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีการรักษา อาจช่วยให้คุณเจ็บน้อยกว่า พักฟื้นน้อยกว่า ลดผลกระทบของผลข้างเคียงได้มากกว่า และได้รับประสิทธิภาพในการผ่าตัดที่มากกว่า   ประสบการณ์การที่ยาวนาน   ประสบการณ์ของแพทย์ผู้รักษารวมถึงสถานพยาบาลนั้น ๆ เป็นการการันตีว่า ศูนย์เลสิคที่คุณเลือกใช้บริการ เป็นศูนย์เลสิคที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมากหน้าหลายตา รวมถึงประสบการณ์ที่สั่งสมมาจะทำให้คุณหมอที่ทำการผ่าตัดเลสิคให้กับคุณ สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำรักษาได้ทุกค่าสายตาเพิ่มโอกาสให้หลายๆคน ได้มองเห็นชัดขึ้น ลดการพึ่งพาแว่นหรือคอนแทคเลนส์ ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นตามมาด้วย   ความเป็นมืออาชีพของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง   คุณควรเลือกศูนย์ทำเลสิคที่กำกับดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและการแก้ไขสายตาผิดปกติเลสิค (LASIK) ที่มีประสบการณ์อย่างสูงโดยเฉพาะ เพราะความชำนาญรวมถึงประสบการณ์ที่สูงทำให้พวกเขาเข้าใจปัญหาเกี่ยวกับค่าสายตาที่ผิดปกติของคุณได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และมีมาตรฐานในการรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ   ความหลากหลายและครอบคลุมในการรักษา   ควรเลือกศูนย์เลสิคที่มีแนวทางการรักษาให้เลือกหลากหลาย เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาและความต้องการในการผ่าตัดรักษาที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางคนตาแห้งทำให้ไม่เหมาะกับการทำเลสิคบางประเภท บางคนมีเวลาในการพักฟื้นน้อย ทำให้ต้องเลือกใช้วิธีการทำเลสิคที่แผลเล็กทำให้ไม่ต้องพักฟื้นนาน เป็นต้น   การบริการที่เป็นเลิศ   อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม คือ การให้บริการของศูนย์เลสิคที่คุณเลือกใช้บริการ ทั้งการให้คำปรึกษาแนะนำที่ดีทั้งก่อนและหลังผ่าตัด มีการติดตามอาการเผื่อดูผลความแม่นยำของการรักษา และควรที่จะมีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต การทำเลสิคมีกี่ประเภท ควรทำเลสิคที่ไหนดี   ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้มีการพัฒนาวิธีการทำเลสิคออกมาหลายประเภทด้วยกัน Laser Vision International LASIK Center ซึ่งเปิดให้บริการมายาวนานตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปัจจุบัน โดยเป็นศูนย์ให้บริการรักษาสายตาแบบไร้ใบมีด แห่งแรกของประเทศไทยและยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมาโดยตลอดในการทำ PRK, LASIK, FEMTO LASIK จนในปัจจุบันก็ได้นำเอาเทคโนโลยีการผ่าตัดแผลเล็ก NanoRelex® เข้ามาให้การรักษาเป็นที่แรกของประเทศไทย จึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในศูนย์เลสิคที่มีทางเลือกการรักษาที่ครอบคลุมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไป ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาสายตาสั้น ยาว หรือเอียง โดยมีการทำเลสิคประเภทต่าง ๆ ดังนี้   NanoRelex®   ReLex หรือ Refractive Lenticule Extraction เป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการแก้ไขสายตาโดยใช้ Femtosecond Laser ซึ่งมีความแม่นยำสูง ตัดเนื้อกระจกตาเป็นรูปชิ้นเลนส์ แล้วดึงออกผ่านแผลเล็ก ๆ ที่ผิวกระจกตา ซึ่งมีขนาดเล็กเพียงประมาณ 2-4 มิลลิเมตร จึงเป็นเทคนิคที่รบกวนกระจกตาน้อยมาก มีโอกาสเกิดการระคายเคืองน้อยที่สุด   เทคโนโลยีล่าสุด NanoRelex® นวัตกรรมใหม่ที่นำเข้าโดยเลเซอร์วิชั่น ถือเป็นผู้บุกเบิก NanoRelex แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นนิวเจเนอเรชั่นของรีเล็กซ์ ซึ่งคิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาสายตาสั้น เอียง และสายตายาว การผ่าตัดด้วยวิธี NanoRelex® ใช้ระยะเวลาผ่าตัดน้อย ลดอาการตาแห้งหลังทำการรักษาได้มากขึ้น แผลมีขนาดเล็ก ทำให้หลังการผ่าตัดกระจกตาจะยังคงรูปร่างและความแข็งแรงอยู่ ราคาประมาณ 138,000 บาท   NanoLASIK   NanoLASIK เป็นการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจาก FemtoLASIK ซึ่งเป็นการรักษาสายตาผิดปกติที่ใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอน โดยทำการแยกชั้นกระจกตาด้วย Femtosecond Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความเร็วสูง และพลังงานต่ำ ช่วยให้การทำเลสิคไม่จำเป็นต้องอาศัย ใบมีดอีกต่อไป จึงไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความไม่สบายตา และยังถือเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ที่มีความแม่นยำ และปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ Laser Vision ถือเป็นศูนย์รักษาสายตาเอกชนแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้ทำการติดตั้งเครื่องแยกชั้นกระจกตาด้วยเลเซอร์ (Femtosecond Laser) นี้และนำมาใช้ในการรักษาจนประสบ ความสำเร็จ ได้รับผลเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ราคาประมาณ 138,000 บาท   Nano NV LASIK   ที่เลเซอร์วิชั่นยังมีโปรแกรม NV LASIK (Near Vision LASIK) และ Nano NV LASIK สำหรับการรักษาสายตายาวตามอายุด้วยวิธีเลสิคอีกด้วย โดยอาศัยหลักการมองเห็นด้วยดวงตาทั้ง 2 ข้าง (Blended Vision) ซึ่งจะแตกต่างจากการรักษาด้วยวิธีเลสิคทั่วๆไป โดยแพทย์จะทำการรักษาให้ตาข้างหนึ่งมองเห็นในระยะไกลได้ชัดเจน ส่วนอีกข้างหนึ่งจะทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นเล็กน้อยเพื่อใช้ในการมองวัตถุในระยะใกล้ การรักษาด้วยวิธีนี้หากใช้สายตาทีละข้างจะมองเห็นวัตถุได้ชัดเจนในระยะที่แตกต่างกัน แต่หากใช้ดวงตาทั้ง 2 ข้างร่วมกันจะทำให้มองเห็นได้ชัดเจนทั้งใกล้และไกล ช่วยลดการพึ่งพาแว่นในกิจกรรมต่างๆ โดยต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวระยะหนึ่งเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยในแต่ละบุคคล โดยที่ Nano NV LASIK คือการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจาก FemtoLASIK ที่ทำการแยกชั้นกระจกตาด้วย Femtosecond Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความเร็วสูง และพลังงานต่ำในระดับนาโนจูล ช่วยให้การทำเลสิคไม่จำเป็นต้องอาศัย ใบมีดอีกต่อไป ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความไม่สบายตา และยังถือเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ที่มีความแม่นยำ และปลอดภัยสูงสุด   FemtoLASIK   FemtoLASIK เป็นการผ่าตัดแบบไร้ใบมีด โดยใช้เครื่อง Femtosecond Laser โดยเทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของเครื่องแยกชั้นกระจกตา ให้สามารถกำหนดระดับความหนาของกระจกตาตามที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัย โดยเครื่องเองจะทำการส่งพลังงานไปที่ชั้นกระจกตาเพื่อให้เกิดจากแยกชั้นกระจกตาในระดับต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ ทำให้สามารถแยกชั้นกระจกตาได้อย่างเรียบเนียนที่สุดเมื่อเทียบกับการแยกชั้นกระจกตาด้วย Mechanical Microkeratome หรือเครื่องแยกชั้นกระจกตาชนิดอื่น ๆ ดังนั้น การทำเลสิคด้วยวิธี FemtoLASIK จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการแยกชั้นกระจกตาได้เป็นอย่างดี ราคาประมาณ 95,000 บาท   LASIK (Laser in Situ Keratomileusis)   คือ การรักษาสายตาสั้น โดยการผ่าตัดจะใช้เครื่องแยก ชั้นกระจกตา Microkeratome หรือใบมีด ในการแยกชั้นกระจกตา ให้ได้ความหนาประมาณ 100-120 ไมครอน แล้วทำการยกชั้นกระจกตาขึ้น พับไปด้านข้าง แล้วใช้ Excimer Laser ยิงไปบนกระจกตาด้านในเพื่อปรับ ความโค้ง ให้ได้ตามค่าสายตาที่ต้องการแก้ไข แล้วปิดฝากระจกตากลับที่เดิม ราคาเริ่มต้นประมาณ 55,000 บาท   TransPRK   เป็นเหมือนกับวิธีการแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ โดยที่มีการพัฒนาต่อจากวิธี PRK ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสายตาสั้น, ยาว, หรือเอียง สิ่งที่แตกต่างจากวิธีการรักษาด้วย PRK คือจะมีการใช้เลเซอร์ Excimer Laser เพื่อลอกเอาผิวกระจกตา (Epithelium) แล้วปรับความโค้งของกระจกตาในขั้นตอนเดียว ด้วยการใช้เทคโนโลยี ที่ทำให้เราสามารถแก้ไขสายตาโดยต้องสัมผัสดวงตาในขั้นตอนใด ๆ ซึ่งจะต่างจาก PRK แบบเดิมที่ต้องใช้อุปกรณ์เพื่อขูดผิวกระจกตาออก นอกเหนือไปจากนี้ TransPRK ยังมีประสิทธิภาพในการลดอาการระคายเคืองตาหลังการทำและทำให้แผลหายเร็วขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการทำ PRK แบบเดิมและยังลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อในดวงตาอีกด้วย   PRK   เป็นวิธีรักษาสายตาผิดปกติอีกวิธีหนึ่งที่คล้ายกับวิธีเลสิค แต่แตกต่างกันที่ วิธี PRK นั้น จะไม่มีขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตาเหมือน LASIK โดยวิธีทำ จะเริ่มจากการลอกผิวกระจกตา (Epithelium) ที่อยู่ด้านนอกสุดของกระจกตาออกก่อน จากนั้นจะใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ไปปรับความโค้งของผิวกระจกตา วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระจกตาบาง หรือบุคคลบางอาชีพ อาธิ ทหาร นักบิน   อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการฟื้นตัวและการหายของแผลสำหรับวิธี PRK จะนานกว่าวิธีเลสิค หลังผ่าตัดจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาที่มีสารในกลุ่มสเตียรอยด์หลังการผ่าตัด จึงควรได้รับการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดเป็นระยะเวลาหนึ่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระจกตาบาง หรือบุคคลบางอาชีพ เช่น ทหาร นักบิน   Phakic IOL (ICL)   การทำ ICL เป็นการใช้เลนส์เสริมถาวรมาใส่ไว้ที่บริเวณดวงตา โดยเทคนิคนี้สามารถแก้ไขค่าสายตาที่ผิดปกติมาก ๆ ได้ โดยทางจักษุแพทย์จะทำการเปิดแผลกระจกตา และนำเลนส์บาง ๆ ที่สามารถพับได้ เข้าไปไว้หน้าเลนส์ตา จากนั้นจะรอให้แผลสมานตัวเอง   ข้อดีคือ ไม่ก่อให้เกิดแสงกระจายในเวลากลางคืน มีภาวะแทรกซ้อนน้อย หากไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์สามารถนำเลนส์เสริมออกได้ ผู้ที่ไม่สามารถทำเลสิคเพื่อรักษาสายตาสั้น หรือ สายตาเอียง รวมไปจนถึงผู้ที่มีภาวะตาแห้ง กระจกตาบาง สามารถรักษาโดยการทำ ICL ได้ RLE   การรักษาด้วยวิธีการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม (RLE) เป็นการรักษาภาวะสายตายาวตามอายุที่เน้นการแก้ไขปัญหาบริเวณเลนส์แก้วตา โดยแพทย์จะทำการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเดิมที่เริ่มเสื่อมสภาพออกไป แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้ามาแทนที่ ซึ่งเลนส์แก้วตาเทียมนั้นจะเป็นเลนส์  แก้วตาเทียมที่ออกแบบมาสำหรับการรักษาสายตายาวตามอายุโดยเฉพาะ ข้อดีและข้อจำกัดของการทำเลสิค ข้อดีของการทำเลสิค:    เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องพกแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว เช่น เล่นกีฬา ว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นการผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาไม่นาน หลังผ่าตัดไม่กี่วันสามารถเห็นผลได้ทันที ความปลอดภัยสูง ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์มีความแม่นยำสูงและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาผ่าตัดสั้น พักฟื้นไม่นาน แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว   ข้อจำกัดของการทำเลสิค:    ผู้ที่เป็นโรคบางชนิดไม่เหมาะกับการทำเลสิค เช่น โรค SLE โรคเบาหวาน รูมาตอยด์ (ไขข้ออักเสบ) ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม โรคที่เกี่ยวข้องกับกระจกตาหรือดวงตา รวมไปถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีกระจกตาบาง โก่ง หรือผิดรูป เองก็ไม่เหมาะกับการทำเลสิค ค่าสายตาที่สั้นที่สูงเกินไป หรือค่าสายตาเอียงบางครั้งไม่สามารถทำเลสิคได้ แต่อาจแก้ไขได้ด้วยการทำ ICL ซึ่งต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการรักษา การทำเลสิคควรทำหลังอายุ 18 ปีเป็นต้นไป และมีค่าสายตาที่นิ่ง (เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 50 ในหนึ่งปี) ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมีค่าสายตาที่นิ่งช่วง 25-40 ปี ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงภาวะต้อกระจก และโรคเกี่ยวกับตาบางชนิด ต้องให้จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินสภาพสายตาก่อน สภาพกระจกตารวมถึงค่าสายตาบางประเภท เหมาะกับวิธีการทำเลสิคหรือการผ่าตัดที่ต่างกัน ควรปรึกษาคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงตรวจสายตาอย่างละเอียดก่อนการทำเลสิคในวิธีที่เหมาะสมกับคุณ การผ่าตัดทำเลสิคอาจมีผลข้างเคียงทำให้ตาแห้ง ซึ่งระยะเวลาและความรุนแรงของผลข้างเคียง เป็นผลลัพธ์ที่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การดูแลตนเองก่อนและหลังการทำเลสิค การดูแลตนเองก่อนมาทำเลสิค:    งดใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มก่อน 3 วัน ชนิดแข็ง 7 วัน เพื่อให้แพทย์ตรวจวัดค่าสายตาได้อย่างแม่นยำขึ้น และการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น งดใช้ยารักษาสิว อย่างน้อย 1 เดือน (ทั้งก่อนตรวจสภาพตา และก่อนผ่าตัด) เพราะเป็นยาที่ส่งผลต่อเยื่อบุและผิวกระจกตา พาผู้ปกครองหรือเพื่อนมาด้วยในวันที่ตรวจประเมินสายตา เพราะต้องมีการหยอดยาขยายม่านตา ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นทำให้มองไม่ชัด ตาพร่า ขับรถไม่ได้ และอย่าลืมนำแว่นกันแดดติดตัวมาด้วย งดแต่งหน้า ทาครีม และล้างหน้าให้สะอาดก่อนทำการผ่าตัด รวมถึงสวมเสื้อผ้าที่เป็นกระดุมหน้าจะได้ถอดและสวมสบายทั้งก่อนและหลังผ่าตัด พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ   การดูแลตนเองหลังทำเลสิค:   ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยการมาพบแพทย์ตามนัด รวมถึงหมั่นสังเกตผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณ หยอดยาปฏิชีวนะที่แพทย์ให้อย่างเคร่งครัด ป้องกันการติดเชื้อ โดยระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ ฝุ่นผง หรือควันบุหรี่ เข้าตา สวมแว่นกันแดดทุกครั้งที่อยู่กลางแจ้งเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ลดการใช้สายตาหนัก ๆ  ไม่ขยี้ตา และการกระทำที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณกระจกตา งดแต่งหน้า สระผม และครอบตาในเวลากลางคืน ตลอดหนึ่งสัปดาห์หลังการผ่าตัด หรือหากต้องการสระผมควรไปสระที่ร้านทำผมเพื่อป้องกันน้ำและแชมพูเข้าตา คำถามที่พบบ่อยหลังการทำเลสิค นอกจากตาแห้งหลังทำเลสิค มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง   ภาวะตาแห้งหลังทำเลสิคเป็นเรื่องที่หลายคนทราบแล้ว และพร้อมจะเตรียมใจยอมรับกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นนี้ แต่ยังมีผลข้างเคียงของการทำเลสิคที่หลายคนอาจยังไม่ทราบและเป็นกังวล เช่น หลังทำเลสิคเจ็บไหม คำตอบคือ อาจรู้สึกแสบตาและคันตาเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติ และจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน และหลังผ่าตัดทันที อาจเห็นภาพเบลอหรือพร่ามัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นภายใน 1-2 วันเช่นกัน   ทำเลสิคไปแล้ว สายตาจะกลับมาสั้นอีกได้หรือเปล่า ทำเลสิคซ้ำได้มั้ย   ปัจจัยต่าง ๆ ทางร่างกาย เช่น พันธุกรรมและการดำเนินชีวิต อาจทำให้ค่าสายตากลับมาสั้นขึ้นอีกครั้งได้ หากต้องผ่าตัดทำเลสิคซ้ำจะขึ้นอยู่กับความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ เทคนิคการทำเลสิคที่เลือกใช้ รวมทั้งการดูแลตนเองอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ ดังนั้นการทำเลสิคครั้งแรกควรเลือกเทคนิคที่รบกวนประจกตาน้อยที่สุด แผลมีขนาดเล็ก สามารถปรับความโค้งกระจกตาได้ตามต้องการ และลดโอกาสที่สายตาจะเกิดภาวะถดถอยได้ในระยะยาว    หลังทํา เลสิค ห้ามอะไรบ้าง   โดยทั่วไปแล้ว จะสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 1-2 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากและกีฬาที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระแทกประมาณ 1 สัปดาห์ รวมถึงไม่ควรว่ายน้ำในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด และไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ทันที ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และในช่วงหลังผ่าตัดควรงดแต่งหน้า รอบดวงตา จนกว่าจะพ้นระยะพักฟื้น งดฉีดสเปรย์ และน้ำหอม งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งก่อน และหลังผ่าตัด จนกว่าการพักฟื้นจะสิ้นสุดลง   สายตาสั้นไม่เท่ากัน 2 ข้าง ทำเลสิคได้ไหม   ถึงแม้สายตาทั้ง 2 ข้างจะสั้น ยาวไม่เท่ากันก็สามารถทำเลสิคได้ โดยขึ้นอยู่กับทำการประเมิน ตรวจวัดดวงตา และคำนวณค่าสายตาในการทำเลสิคของแต่ละข้าง โดยการทำการรักษาอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยจากสภาพของกระจกตาและค่าสายตา
Laser Vision
6 อาการเสี่ยงที่คนใส่คอนแทคเลนส์มักเจอ!
การใส่คอนแทคเลนส์เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขสายตาโดยไม่ต้องใส่แว่นตา แม้ว่าคอนแทคเลนส์จะมอบความสะดวกสบายและช่วยเสริมบุคลิกภาพได้ แต่ก็มีอาการบางอย่างที่ผู้ใส่คอนแทคเลนส์มักจะเผชิญ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการร้ายแรงกับดวงตา มาทำความรู้จักกับอาการยอดฮิตที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อใส่คอนแทคเลนส์ รวมถึงวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่อให้ดวงตาของคุณยังคงสุขภาพดีและสบายตาอยู่เสมอ   1. กระจกตาติดเชื้อ การติดเชื้อที่กระจกตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไปหรือไม่ดูแลความสะอาดอย่างเหมาะสม การติดเชื้อสามารถทำให้เกิดอาการปวดตา แดง มีน้ำตาไหล และอาจรุนแรงจนถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น 2. กระจกตาอักเสบ กระจกตาอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้จากการระคายเคืองของคอนแทคเลนส์ หรือจากการสะสมของเชื้อโรค ทำให้ตาแดง เจ็บ และมีน้ำตาไหล 3. กระจกตาขาดออกซิเจน การใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไปอาจทำให้กระจกตาขาดออกซิเจน ทำให้เกิดอาการตาแห้ง รู้สึกไม่สบายตา และอาจทำให้กระจกตาเสื่อมสภาพในระยะยาว 4. การสะสมของโปรตีนบนคอนแทคเลนส์ การสะสมของโปรตีนบนคอนแทคเลนส์สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองตา และทำให้คอนแทคเลนส์ไม่สบายเมื่อต้องใส่นานๆ 5. ภูมิแพ้ที่กระจกตา การใส่คอนแทคเลนส์อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่กระจกตา ซึ่งทำให้ตาแดง คัน และรู้สึกไม่สบายตา 6. กระจกตาบาดเจ็บ การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดหรือไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่กระจกตา ซึ่งทำให้ตาอักเสบและอาจติดเชื้อได้   วิธีป้องกัน รักษาความสะอาด: ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่และถอดคอนแทคเลนส์ และล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป: ควรใส่คอนแทคเลนส์ตามเวลาที่กำหนดและถอดออกก่อนนอน ใช้คอนแทคเลนส์ที่มีการระบายอากาศดี: เลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่มีการระบายอากาศดีเพื่อลดความเสี่ยงในการขาดออกซิเจน เปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามเวลาที่กำหนด: ควรเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์เกินระยะเวลาที่กำหนด   ลดความเสี่ยงด้วยการทำเลสิก การทำเลสิกสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเหล่านี้ได้ การทำเลสิกเป็นวิธีแก้ไขปัญหาสายตาที่มีประสิทธิภาพ และสามารถทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการใส่คอนแทคเลนส์อีกต่อไป การทำเลสิกช่วยให้คุณสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและสะดวกสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาคอนแทคเลนส์ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและอักเสบ ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและสบายตามากขึ้น  การทำเลสิกที่ Laser Vision ไม่เพียงแค่ช่วยแก้ไขปัญหาสายตา แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ที่ชัดเจนและไร้ข้อจำกัด ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง คุณจะได้รับการดูแลที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยจนถึงการฟื้นฟูสายตาหลังผ่าตัด เรามุ่งเน้นที่จะมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและเต็มที่ สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเลสิก ติดต่อ 02-511-2111 หรือ 02-939-6006 Line ID : @LASERVISION (มี@นำหน้า)
Laser Vision
ทำเลสิกกี่วันถึงจะเห็นชัด?
ทำเลสิกกี่วันถึงจะเห็นชัด? การทำเลสิก (LASIK) เป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขสายตา ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง หลายคนมักสงสัยว่า หลังจากทำเลสิกแล้วจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อไร และต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นฟูการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการมองเห็นชัดเจนจะค่อยๆชัดเจนขึ้นตามลำดับ   ระยะเวลาการเห็นผลหลังทำเลสิก 1. ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการผ่าตัด: หลังทำเลสิก จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของการมองเห็นได้ทันทีภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยที่จะเห็นขึ้นชัดกว่าก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว 2. ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก: คนไข้จะสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยังอาจมีอาการเบลอหรือเห็นภาพหมอกบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติเนื่องจากยังมีแผลจากการผ่าตัดอยู่  3. ในช่วง 6 สัปดาห์แรก: การมองเห็นจะค่อยๆ นิ่งขึ้น แต่อาจมีบางครั้งที่ภาพยังไม่ชัดหรือเห็นเบลอ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวของดวงตา อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ 4. หลัง 6 สัปดาห์: สายตาจะเริ่มคงที่มากขึ้น และคุณจะรู้สึกสบายตามากขึ้น การมองเห็นจะนิ่งและชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง   การฟื้นตัวหลังทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex หากคุณต้องการฟื้นตัวไวและลดเวลาในการปรับตัวหลังการทำเลสิก เทคโนโลยี NanoRelex เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่เป็นการผ่าตัดแบบไร้ใบมีด แต่ใช้เลเซอร์แทน ทำให้แผลเล็ก ฟื้นตัวไว และสามารถมองเห็นชัดได้ 100% ไวกว่าทางเลือกอื่น ยิ่งเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น ก็จะยิ่งฟื้นตัวได้ไวขึ้น โดยที่จะมองเห็นดีขึ้นทันทีตั้งแต่วันแรกที่ทำ และแผลหายไว ฟื้นตัวได้เร็ว ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างการติดเชื้อระหว่างพักฟื้น ช่วงแรกหลังผ่าตัดแบบ NanoRelex อาจมีอาการภาพไม่ชัดบ้างจากอาการตาแห้ง แต่สามารถใช้น้ำตาเทียมช่วยได้ทันที  การมองเห็นที่ดีขึ้นทันที: ส่วนใหญ่การมองเห็นจะดีขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ทำ แผลหายไว: การฟื้นตัวเร็วและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน ใช้น้ำตาเทียมช่วย: หากมีอาการภาพชัดหรือไม่ชัดบ้างจากอาการตาแห้ง สามารถใช้น้ำตาเทียมช่วยได้ทันที สนใจอยากทำเลสิกแบบ NanoRelex ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Laser Vision ศูนย์รักษาสายตาที่ครบวงจร ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-511-2111 หรือ 02-939-6006 Line ID : @LASERVISION (มี@นำหน้า)  
Cataract Center
Retina Center
Laser Vision
Glaucoma Center
Cornea Center
Children's Eye Center
Oculoplastic
Neuroophthalmology
Understanding Pterygium: Causes, Symptoms, and Treatment Options
  How people notice and see Pterygium without knowing it is Pterygium   Have you ever looked in the mirror and noticed a small, fleshy growth on the white part of your eye, usually near the nose? It might appear slightly red, or you might feel like something’s stuck in your eye. This growth can slowly creep onto the clear, center part of your eye, known as the cornea, causing discomfort, dryness, or even blurred vision. Many people mistake these signs for simple irritation, dryness, or tired eyes, unaware that they might be dealing with a condition called pterygium.   1. What is Pterygium? Pterygium (pronounced tuh-RIJ-ee-um) is a common eye condition that looks like a triangular or wedge-shaped growth on the eye’s surface. It usually starts small but can slowly expand toward the cornea. Though it might look concerning, it’s not cancerous. For some, it’s just a minor cosmetic issue, but for others, it can cause vision problems or significant discomfort   2. Why does it happen? Pterygium happens mainly due to long-term exposure to UV light from the sun, which is why it’s often called "surfer’s eye." But you don’t have to be a surfer to get it - anyone who spends a lot of time outdoors, especially without proper eye protection, is at risk. Dust, wind, and dry environments can also irritate the eye and contribute to its development. Genetics can play a part, too, as pterygium is more common in certain families. Pinguecula and pterygium are often mistaken for each other. Pinguecula is a yellowish bump on the conjunctiva, while pterygium extends onto the cornea and can affect vision. Proper diagnosis is key.   3. What to do when you notice it? If you spot a growth on your eye or feel persistent discomfort, dryness, or redness, don’t ignore it. Make an appointment with an eye specialist, especially if it’s growing or starting to affect your vision. The doctor can diagnose pterygium with a simple eye exam and discuss whether it needs to be treated right away or monitored over time.   4. Treatment Options Observation and Protection: In mild cases, protecting your eyes from the sun with sunglasses and using lubricating eye drops can help keep symptoms in check. Medication: If the pterygium becomes red and inflamed, doctors may prescribe anti-inflammatory eye drops to reduce irritation.  Surgery: When pterygium grows too large, affects vision, or causes significant discomfort, surgery to remove the growth may be recommended. This involves removing the tissue and often placing a graft (a small piece of your own conjunctiva) to cover the area and reduce the chance of it coming back.   5. Advice from Bangkok Eye Hospital and Next Steps At Bangkok Eye Hospital, our experienced ophthalmologists often see patients who are unsure what’s causing their eye discomfort or unusual growths. It’s essential to address these concerns early to avoid complications. If surgery is necessary, one of the best innovations available today is using fibrin glue during pterygium surgery, which offers many benefits over traditional stitches.     To learn more about how fibrin glue can improve your recovery and comfort, check out our next article on this advanced treatment here. If you’re experiencing symptoms or want a consultation, don’t hesitate to reach out to Bangkok Eye Hospital - our team is here to guide you through every step of your eye care journey.
Laser Vision
เคล็ดลับการป้องกัน รักษาสุขภาพปัญหาสายตาก่อนวัยอันควร
เคล็ดลับการป้องกัน รักษาสุขภาพปัญหาสายตาก่อนวัยอันควร ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ การรักษาสุขภาพดวงตาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่มักใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ปัจจัยเหล่านี้สามารถเร่งให้เกิดปัญหาสายตาได้เร็วกว่าปกติ การดูแลและป้องกันปัญหาสายตาตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชะลอการเกิดปัญหาดวงตาในอนาคต ดูแลสายตาอย่างไรให้ห่างไกลปัญหาสายตารบกวนก่อนวัย? พักสายตาอยู่เสมอ หากจำเป็นต้องทำงานอยู่หน้าจอ ควรพักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะ ๆ ด้วยการมองสีเขียว เช่น ต้นไม้ เพื่อพักสายตาอย่างน้อย 20 วินาที ทุก 20 นาที นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับเป็นช่วงที่จะได้พักสายตาและลดการใช้สายตา รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน A, วิตามิน C, วิตามิน E และสารเบต้าแคโรทีน, ลูทีน และซีแซนทีน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตา ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใส เช่น แครอท, ผักโขม, และผลไม้ตระกูลเบอร์รี เพื่อบำรุงสายตา สวมแว่นกันแดดป้องกันแสง UV แสงแดดสามารถทำลายดวงตาและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกและปัญหาจอประสาทตาเสื่อมได้ การสวมแว่นกันแดดที่มีการป้องกันแสง UV 100% จะช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่เป็นอันตราย ปรับแสงสว่างรอบตัว แสงสว่างที่ไม่เหมาะสมขณะทำงานหรืออ่านหนังสือ เช่น แสงที่มืดหรือจ้าเกินไป อาจทำให้สายตาทำงานหนักเกินไป ควรปรับแสงให้เหมาะสม โดยเฉพาะแสงในห้องทำงานหรือพื้นที่ที่ต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงการขยี้ตา การขยี้ตาเป็นพฤติกรรมที่หลายคนอาจทำโดยไม่รู้ตัวเมื่อรู้สึกคันหรือระคายเคืองดวงตา อย่างไรก็ตาม การขยี้ตาสามารถทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น การระคายเคืองที่รุนแรงขึ้น, การทำลายเยื่อบุตา และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บนมืออาจเข้าสู่ดวงตา ทำให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อได้ เช่น ตากุ้งยิงหรือเยื่อบุตาอักเสบ   การดูแลสายตาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาสายตาที่อาจเกิดขึ้นก่อนวัย การพักสายตาจากการจ้องหน้าจอเป็นระยะทุก 20 นาที การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอช่วยลดการใช้สายตา อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน A, C, E และสารเบต้าแคโรทีน มีส่วนช่วยบำรุงดวงตา การสวมแว่นกันแดดที่มีการป้องกัน UV 100% ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ การปรับแสงสว่างรอบตัวให้เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการขยี้ตาก็เป็นเคล็ดลับที่ช่วยรักษาสุขภาพดวงตาได้ดี
Laser Vision
รู้จักกับ PRK การแก้ไขสายตาที่คนสายตาเอียงไม่ควรมองข้าม
รู้จักกับ PRK การแก้ไขสายตาที่คนสายตาเอียงไม่ควรมองข้าม PRK (Photorefractive Keratectomy) เป็นวิธีการรักษาค่าสายตาที่มีมาตั้งแต่ปี 1980 และยังคงเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันเพราะเป็นวิธีที่ได้ผลดีและเป็นทางเลือกในการแก้ไขค่าสายตาสำหรับผู้สายตาเอียง สายตาสั้น สายตายาว หรือผู้ที่ไม่สามารถทำเลสิกได้ เนื่องจากการทำเลสิกนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง วันนี้จึงจะพาไปทำความรู้จักกับการทำ PRK กัน ใครบ้างที่สามารถทำ PRK ได้? ผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง สามารถทำ PRK ได้ โดยผู้ที่สายตาสั้น จะต้องสั้นไม่เกิน -10.00 diopters, สายตายาว ไม่เกิน + 6.00 diopters และสายตาเอียง ไม่เกิน 6.00 diopters ผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องเป็นผู้ที่สายตาคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 1 ปี ผู้ที่มีกระจกตาบางหรือมีปัญหาตาแห้ง เพราะผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้จะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาด้วยการทำเลสิกได้ เนื่องจากการทำเลสิกนั้นจะต้องผ่าตัดกระจกตาชั้นบนออกเพื่อทำการปรับค่าสายตา ผู้ที่ไม่มีโรคตาหรือโรคของกระจกตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม หรือมีประวัติกระจกตาถลอก ผู้ประกอบอาชีพที่ห้ามแก้ไขสายตาด้วยการเลสิก เช่น อาชีพนักบิน ตำรวจ ทหาร ผู้ที่ไม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะอาจเป็นอันตรายได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน ขั้นตอนการทำ PRK ที่น่ารู้ เจ็บไหม ทำอย่างไร? ความจริงแล้วไม่ได้เจ็บอย่างที่หลายคนคิด เพราะเป็นการแก้ไขค่าสายตาที่กระจกตาด้านบน ไม่ได้เปิดฝากระจกตา ทำให้ไม่มีแผลเปิดและสมานตัวได้เร็ว ใช้เวลาทำไม่นาน เพียงประมาณ 30 นาทีเท่านี้เอง ขึ้นอยู่กับปัญหาทางสายตาของแต่ละคน ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แต่หากใครอยากนอนดูอาการก่อนก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนขั้นตอนการทำ  PRK ก็มีลำดับดังต่อไปนี้ นำชั้นเยื่อบุผิวออก สามารถทำได้หลายวิธี ส่วนมากแล้วจะนิยมหยดแอลกอฮอล์บนผิวตาด้านบนกระจกตา เพื่อให้เยื่อบุผิวล่อนและละลายเอาเยื่อหุ้มกระจกตาออก ปรับผิวกระจกตาให้เรียบ โดยการใช้เครื่องมือผ่าตัด เลเซอร์เอ็กไซเมอร์(Ecximer) ปรับแต่งผิวกระจกตา เพื่อให้มีรูปทรงตามค่าสายตาที่คำนวณไว้หรือใกล้เคียงกับค่าปกติมากที่สุด เป็นขั้นตอนการใช้เลเซอร์คลื่นสั้นแบบแสงเย็นที่ไม่อันตรายต่อเนื้อเยื่อ ปิดแผลด้วยคอนแทคเลนส์ หรือใส่เลนส์สัมผัสแบบอ่อน เพื่อปิดผิวกระจกตาด้านบน โดยจะใส่ไว้เป็นเวลา 5 - 7 วัน เพื่อให้รอให้เยื่อหุ้มกระจกตาสร้างใหม่แล้วจึงนำออก เป็นวิธีการรักษาที่ไม่ต้องเย็บแผล สามารถหายได้เองแต่อาจต้องใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์   การทำ PRK เป็นการแก้ไขค่าสายตาแบบถาวรที่เห็นผลได้ระยะยาว สามารถแก้ไขค่าสายตาได้ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง มีผลข้างน้อย มีความเสี่ยงต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ มีความแม่นยำสูงและปลอดภัย หากใครที่สนใจสามารถเข้าไปปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจสายตาและปรึกษาปัญหาทางสายตาก่อนได้ เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เวลาไม่นาน
ဆေးရုံတည်နေရာ
Laser Vision International LASIK Center

10/989 Soi Prasertmanukij 33 Nuanchan Buengkum District Bangkok 10230